ปัจจุบันมีข่าวการตรวจพบสารตะกั่วปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม เช่นฝุ่น ดิน น้ำ
รวมถึงของเล่น และภาชนะในการจัดเก็บอาหารและน้ำดื่ม เป็นจำนวนมาก ในปี ค.ศ. 1991
Centers for Disease Control and Prevention ( CDC )ได้กำหนดว่า ระดับสารตะกั่วในเลือด
ที่มากกว่า10 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตรถือเป็นค่าที่สูงกว่าค่าปกติ และต่อมา ค.ศ.1997
United Nations Environment Programme/United Nations Children”s Fund (UNEP-UNICEF)
พบว่าเด็กมีความเสี่ยงต่อการได้รับพิษจากตะกั่วมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากพื้นที่ผิวกายและความสามารถ
ในการดูดซึมสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายของเด็กพบ 50% เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ที่มีเพียงแค่ 10-15% อีกทั้งเด็กยัง
มีพฤติกรรมเสี่ยงในการเอาของเข้าปาก รวมถึงการมีกิจกรรมต่างๆบนพื้นที่ปนเปื้อนด้วยสารตะกั่ว ในช่วงปี
ค.ศ. 2002-2005 CDC และ American Academy of Pediatrics, Committee on Environmental Health พบว่า
สารตะกั่วเป็นมลพิษจากสิ่งแวดล้อมที่ก่ออันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงต่อเด็ก หากได้รับปริมาณมากในวัยเด็ก
จะมีผลโดยตรงต่อระดับสติปัญญา สมองและระบบประสาทอย่างถาวรได้
โดยเฉพาะเด็กในวัย 5 ขวบปีแรกซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดที่มีการพัฒนาของสมอง |